PE é uma ferramenta de avaliação do valor das ações que os investidores precisam conhecer

เมื่อราคาหุ้นต่างๆ เคลื่อนไหวไปมาในตลาด คำถามที่มักปรากฏในหัวของนักลงทุนคือ “ราคาปัจจุบันนี้เป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการเข้าลงทุนจริงหรือ” เพื่อตอบคำถามเช่นนี้ วงการลงทุนสูตรหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่องในหมู่นักลงทุนมูลค่า (Value Investor) ก็คือ PE หรือ PE Ratio ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพความเหมาะสมของราคาหุ้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

PE คือ บอกความหมายได้อย่างไร

PE คือ อัตราส่วนที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาของหุ้นกับกำไรที่บริษัทนั้นสร้างได้ต่อหุ้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นการบอกให้เรารู้ว่า “ถ้าคุณซื้อหุ้นตัวนี้ในราคาปัจจุบัน จะต้องรอกี่ปีจึงที่จะได้รับผลตอบแทนคืนมาตามจำนวนเงินลงทุนเบื้องต้น” โดยถือว่ากำไรของบริษัทยังคงเดิมตลอดทุกปี

ชื่อเต็มของ PE ก็คือ Price per Earning Ratio ซึ่งในวงการลงทุนมักใช้คำย่อ PE Ratio เรียกกันทั่วไป

วิธีคำนวณ PE และตัวแปรที่เกี่ยวข้อง

สูตรพื้นฐานของ PE คือ: PE = ราคาหุ้น ÷ EPS (กำไรต่อหุ้น)

ในสูตรนี้มีสององค์ประกอบหลักที่ต้องเข้าใจ:

ราคาหุ้น (Price) คือค่าที่นักลงทุนจะต้องจ่ายออกไปเพื่อได้มาซึ่งหุ้นหนึ่งหน่วย หากซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่า ค่า PE ที่ได้ก็จะมีแนวโน้มที่จะต่ำลง ซึ่งหมายความว่านักลงทุนจะมีโอกาสได้รับการคืนทุนเร็วขึ้น

EPS หรือ Earning Per Share (กำไรสุทธิต่อหุ้น) เกิดจากการหารผลกำไรสุทธิทั้งหมดของบริษัทในแต่ละปีด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อให้ได้ค่าผลกำไรที่เป็นสัดส่วนต่อหุ้นหนึ่งหน่วย บริษัทที่มี EPS สูงแสดงว่ามีประสิทธิภาพในการสร้างกำไรที่ดี ดังนั้นแม้นักลงทุนจ่ายราคาที่สูงขึ้นก็อาจยังคงได้ PE ที่ต่ำ เพราะตัวหารของสูตรมีค่าสูงนั่นเอง

หลักการพื้นฐาน: ยิ่งค่า PE ต่ำลง ยิ่งแสดงว่าหุ้นมีราคาที่เหมาะสม และจะต้องใช้เวลาน้อยลงในการคืนทุน ส่งผลให้นักลงทุนสามารถเริ่มทำกำไรได้เร็วขึ้น

ตัวอย่างการคำนวณ

สมมติว่านักลงทุนซื้อหุ้นตัวหนึ่งในราคา 5 บาท และในช่วงเวลาเดียวกันหุ้นมี EPS อยู่ที่ 0.5 บาท การคำนวณ PE จะได้ผลลัพธ์ 10 เท่า (5 ÷ 0.5 = 10)

ความหมายของ PE ที่เท่ากับ 10 ก็คือ บริษัทจะจ่ายผลตอบแทน 0.5 บาทให้กับผู้ถือหุ้นในทุกปี เมื่อครบ 10 ปี ผลตอบแทนสะสมจะเท่ากับ 5 บาท ซึ่งเท่ากับจำนวนเงินที่นักลงทุนลงทุนไปเบื้องต้น หมายความว่าสิ้นปีที่ 10 นักลงทุนจะได้คืนทุนพอดี และตั้งแต่ปีที่ 11 เป็นต้นไป เงินทั้งหมดที่ได้รับจะเป็นกำไรสุทธิแล้ว

Forward PE และ Trailing PE: ความแตกต่างที่สำคัญ

นักลงทุนต้องทำความเข้าใจว่า PE มีสองวิธีในการคำนวณ ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังใช้ข้อมูลกำไรจากอดีตหรือการคาดการณ์อนาคต

Forward PE (PE ล่วงหน้า) ใช้ราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไรที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต มีข้อดีคือช่วยให้นักลงทุนมองเห็นภาพของบริษัทในช่วงเวลาต่อไป โดยไม่ต้องให้การเปลี่ยนแปลงทางบัญชีอื่นๆ รบกวน อย่างไรก็ตาม Forward PE มีข้อจำกัดเนื่องจากการคาดการณ์กำไรของบริษัทและนักวิเคราะห์ภายนอกอาจมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความสับสน นอกจากนี้บริษัทบางแห่งอาจตั้งค่าคาดการณ์ต่ำเกินไปเพื่อให้ผลลัพธ์จริงเกินความคาดหวัง

Trailing PE (PE ย้อนหลัง) ใช้ราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไรต่อหุ้นของ 12 เดือนที่ผ่านมา นี่คือวิธีที่มีความนิยมสูงสุด เพราะข้อมูลมาจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และสามารถคำนวณได้อย่างรวดเร็ว นักลงทุนหลายคนชื่นชอบ Trailing PE เพราะไม่ต้องพึ่งพาการคาดการณ์ของบุคคลอื่น

ข้อเสียของ Trailing PE คือการแสดงผลในอดีตไม่ได้บ่งบอกถึงว่าบริษัทจะทำได้ดีแค่ไหนในอนาคต หากเกิดเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ Trailing PE อาจล่าช้าในการสะท้อนการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

ข้อจำกัดของการใช้ PE ในการประเมินหุ้น

แม้ว่า PE คือ เครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ยังคงมีข้อบกพร่องที่นักลงทุนต้องตระหนัก

ปัญหาแรกคือ EPS ไม่ได้คงที่ตลอดเวลา หากบริษัทประสบความเจริญเติบโต EPS จะเพิ่มขึ้น ทำให้ค่า PE ลดลง ตัวอย่างเช่น นักลงทุนซื้อหุ้นในราคา 5 บาท โดย EPS อยู่ที่ 0.5 บาท (PE = 10) แต่ถ้าหลังจากผ่านไปเวลาหนึ่ง บริษัทขยายการผลิตและตลาดการส่งออก ทำให้ EPS เพิ่มเป็น 1 บาท ค่า PE ของหุ้นเดียวกันจะปรับลงเหลือ 5 เท่า (5 ÷ 1 = 5) ความหมายก็คือ นักลงทุนจะต้องถือหุ้นเพียง 5 ปีก็คืนทุนแล้ว ไม่ใช่ 10 ปี

ในทางกลับกัน หากบริษัทประสบปัญหาด้านกำไร เช่น ถูกกีดกันทางการค้า หรือเสียหายจากเหตุการณ์พิเศษ ทำให้ EPS ลดลงเป็น 0.25 บาท ค่า PE จะพุ่งขึ้นเป็น 20 เท่า (5 ÷ 0.25 = 20) ผลคือนักลงทุนจะต้องรอถึง 20 ปีจึงจะได้คืนทุน

PE เป็นเครื่องมือหลัก แต่ไม่ใช่เครื่องมือเดียว

การพิจารณาเลือกหุ้นเพื่อเพิ่มเติมให้กับพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนไม่ควรพึ่งพาเครื่องมือตัวเดียว ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวน นักลงทุนอาจใช้เครื่องมือทางเทคนิคเข้ามาช่วย แต่เมื่อโอกาสดีการลงทุนมูลค่าปรากฏขึ้นและระบุทำให้เห็นหุ้นที่มีคุณค่า ไม่ควรทำให้มันหลุดไป

PE คือ เครื่องมือที่ประสิทธิภาพ เนื่องจากช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบความถูกแพงของหุ้นต่างๆ ในตลาดได้โดยใช้มาตรฐานเดียวกัน หลังจากใช้ PE คัดเลือกหุ้นแล้ว นักลงทุนควรวิเคราะห์ข้อจำกัดของวิธีนี้เพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงในการตัดสินใจลงทุน

ด้วยการทำความเข้าใจ PE คือ อะไร วิธีการคำนวณ ความแตกต่างระหว่าง Forward PE กับ Trailing PE และข้อจำกัดของมัน นักลงทุนจึงจะมีเครื่องมือที่ครบครันในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างสมเหตุสมผล และสามารถจับจังหวะการเข้าหุ้นไว้ในราคาที่เหมาะสม ตามเป้าหมายของการลงทุนในตลาดหุ้นที่ประสบความสำเร็จ

Ver original
Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
  • Recompensa
  • Comentar
  • Republicar
  • Partilhar
Comentar
0/400
Nenhum comentário
  • Fixar

Negocie cripto em qualquer lugar e a qualquer hora
qrCode
Digitalizar para transferir a aplicação Gate
Novidades
Português (Portugal)
  • 简体中文
  • English
  • Tiếng Việt
  • 繁體中文
  • Español
  • Русский
  • Français (Afrique)
  • Português (Portugal)
  • Bahasa Indonesia
  • 日本語
  • بالعربية
  • Українська
  • Português (Brasil)