Demanda e Oferta: Diferenças e Aplicações no Mercado Financeiro

เมื่อพูดถึงการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดการเงิน เรามักได้ยินคำว่า “อุปสงค์” และ “อุปทาน” ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานที่ขับเคลื่อนราคาสินทรัพย์ทั้งหมด แต่อุปสงค์ และ อุปทาน มีความแตกต่างกันอย่างไร และนักลงทุนจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร มาทำความเข้าใจเรื่องนี้เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนดีขึ้น

อุปสงค์และอุปทาน: ความหมายพื้นฐาน

อุปสงค์ (Demand) คือ ความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการในระดับราคาต่างๆ เมื่อนำความต้องการนี้มาพล็อตแสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคากับปริมาณ ก็จะได้เส้นอุปสงค์ที่แสดงให้เห็นว่าที่ราคาแต่ละระดับ ผู้ซื้อจะต้องการสินค้าในปริมาณเท่าไร

อุปทาน (Supply) ในขณะนั้น หมายถึง ความต้องการขายสินค้าหรือบริการในระดับราคาต่างๆ เส้นอุปทานจึงแสดงปริมาณสินค้าที่ผู้ขายเต็มใจที่จะเสนอขายในแต่ละระดับราคา

ความแตกต่างพื้นฐานคือ: อุปสงค์เป็นแรงขับจากฝั่งผู้ซื้อ ขณะที่อุปทานเป็นแรงจากฝั่งผู้ขาย

กฎของอุปสงค์ และ อุปทาน: ความสัมพันธ์ผกผัน

กฎอุปสงค์ บ่งชี้ว่า เมื่อราคาเพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อจะลดลง (ผกผัน) และเมื่อราคาลดลง ความต้องการซื้อจะเพิ่มขึ้น เช่น เมื่อสินค้าราคาแพงขึ้น ผู้ซื้อจะลังเล และเลือกจำนวนสินค้าน้อยลง

สาเหตุนี้เกิดจากสองผลกระทบ:

  • ผลทางรายได้ (Income Effect): เมื่อราคาสินค้าลดลง กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
  • ผลทางการทดแทน (Substitution Effect): เมื่อราคาลดลง สินค้านี้จึงอาคารดีกว่าสินค้าอื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน

กฎอุปทาน นั่นคือ ความต้องการขายและราคามีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน: ราคาสูงขึ้น → ผู้ขายยินดีขายมากขึ้น, ราคาลดลง → ผู้ขายลดปริมาณเสนอขาย

ปัจจัยที่กำหนดอุปสงค์และอุปทาน

ปัจจัยอุปสงค์:

  • รายได้ของผู้บริโภค
  • รสนิยมและการเลือก
  • ราคาสินค้าทดแทน
  • จำนวนผู้บริโภค
  • การคาดคะเนราคาในอนาคต
  • ฤดูกาลและเหตุการณ์พิเศษ

ปัจจัยอุปทาน:

  • ต้นทุนการผลิต
  • เทคโนโลยี
  • จำนวนผู้ผลิต
  • ราคาสินค้าอื่นที่ผู้ผลิตสามารถผลิตได้
  • สภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ
  • นโยบายภาษีและการควบคุมราคา
  • การคาดคะเนราคาในอนาคต

จุดดุลยภาพ: ที่ซื้อขายมีการตัดสินใจ

ดุลยภาพ (Equilibrium) คือ จุดที่เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานตัดกัน ที่จุดนี้ ปริมาณที่ผู้ซื้ออยากซื้อเท่ากับปริมาณที่ผู้ขายอยากขาย ราคาจึงเรียกว่าราคาดุลยภาพ

ถ้าราคาปรับตัวสูงกว่าดุลยภาพ: อุปทานจะเกินอุปสงค์ → มีสินค้าคงคลัง → ผู้ขายถูกบังคับให้ลดราคา

ถ้าราคาปรับตัวต่ำกว่าดุลยภาพ: อุปสงค์จะเกินอุปทาน → มีการขาดแคลน → ผู้ซื้อยินดีเพิ่มราคา

กลไกนี้ทำให้ราคามักกลับไปที่ดุลยภาพเอง

ปัจจัยกำหนดอุปสงค์และอุปทานในตลาดการเงิน

ในตลาดหุ้นและสินทรัพย์การเงิน อุปสงค์และอุปทานขึ้นอยู่กับปัจจัยซับซ้อนกว่า:

ปัจจัยอุปสงค์:

  • อัตราดอกเบี้ย: ดอกเบี้ยต่ำ = นักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนในหุ้นมากขึ้น
  • สภาพคล่องการเงิน: เงินในระบบมากขึ้น = อุปสงค์หุ้นเพิ่ม
  • ความเชื่อมั่น: แนวโน้มเศรษฐกิจดีและผลประกอบการ = ความต้องการซื้อเพิ่ม

ปัจจัยอุปทาน:

  • นโยบายบริษัท: การเพิ่มทุนหรือซื้อหุ้นคืนส่งผลต่อปริมาณหุ้น
  • IPO ใหม่: บริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่เพิ่มอุปทาน
  • กฎระเบียบ: ข้อจำกัดในการขายหุ้นส่วนใหญ่ส่งผลต่ออุปทาน

การประยุกต์ใช้อุปสงค์และอุปทานในการวิเคราะห์ราคาหุ้น

วิธีวิเคราะห์พื้นฐาน

ราคาหุ้นเป็นตัวสะท้อนของการเคลื่อนไหวอุปสงค์อุปทาน เมื่อข่าวดีออกมา นักลงทุนแสวงหาซื้อมากขึ้น (อุปสงค์เพิ่ม) → ราคาขึ้น และเมื่อข่าวไม่ดี นักลงทุนรีบขาย (อุปทานเพิ่ม) → ราคาลง

วิธีวิเคราะห์เทคนิค

นักวิเคราะห์เทคนิคใช้เครื่องมือเพื่ออ่านแรงซื้อ-ขาย:

1) Price Action (การเคลื่อนไหวราคา)

  • แท่งเทียนสีเขียว = แรงซื้อชนะ = อุปสงค์แข็งแรง
  • แท่งเทียนสีแดง = แรงขายชนะ = อุปทานแข็งแรง
  • Doji = ทั้งสองฝ่ายสมดุล = ยังไม่มีทิศทาง

2) Trend (แนวโน้ม)

  • ราคาสร้างจุดสูงใหม่เรื่อยๆ = อุปสงค์ยังแข็งแรง = ขาขึ้นต่อ
  • ราคาสร้างจุดต่ำใหม่เรื่อยๆ = อุปทานยังแข็งแรง = ขาลงต่อ

3) Support & Resistance (แนวรับ-ต้าน)

  • แนวรับ = จุดที่มีอุปสงค์รอซื้ออยู่
  • แนวต้าน = จุดที่มีอุปทานรอขายอยู่

กลยุทธ์เทรด Demand Supply Zone

1. Demand Zone Drop Base Rally (DBR) - ขาลงแล้วกลับขึ้น

เกิดจากมีแรงขายหนัก ราคาดิ่งลง (Drop) หลังจากนั้นแรงขายอ่อนลง ราคาสร้างฐาน (Base) จนกระทั่งแรงซื้อเข้ามากระตุ้น ราคากลับตัวขึ้น (Rally) นักเทรดสามารถเข้าซื้อที่จุดเบรคเอาท์

2. Supply Zone Rally Base Drop (RBD) - ขาขึ้นแล้วกลับลง

เกิดจากอุปสงค์หนักราคาวิ่งขึ้น (Rally) หลังจากนั้นแรงซื้ออ่อนลง ราคาสร้างฐาน (Base) จนกระทั่งแรงขายเข้ามาเหนือกว่า ราคากลับตัวลง (Drop) นักเทรดสามารถเข้าขายที่จุดเบรคเอาท์

3. Rally Base Rally (RBR) - ขาขึ้นต่อเนื่อง

ขา พักตัว ขา: ราคาวิ่งขึ้น สร้างฐาน แล้ววิ่งขึ้นต่อ แสดงอุปสงค์ยังอยู่

4. Drop Base Drop (DBD) - ขาลงต่อเนื่อง

ขาลง พักตัว ขาลง: ราคาดิ่งลง สร้างฐาน แล้วดิ่งลงต่อ แสดงอุปทานยังอยู่

สรุป

อุปสงค์ และ อุปทาน ไม่ใช่เพียงแนวคิดสำหรับเศรษฐศาสตร์เท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือจริงที่นักลงทุนสามารถนำไปใช้วิเคราะห์ราคาหุ้นและสินทรัพย์ได้ การเข้าใจความแตกต่างระหว่างอุปสงค์และอุปทาน และปัจจัยที่ส่งผลต่อสองฝั่งนี้ จะช่วยให้การตัดสินใจลงทุนมีความแม่นยำมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การศึกษาเชิงทฤษฎีจะต้องไปควบคู่กับการนำไปประยุกต์ใช้จริงในการวิเคราะห์ราคาตลาด เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนและสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเทรดจริง

Ver original
Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
  • Recompensa
  • Comentar
  • Republicar
  • Partilhar
Comentar
0/400
Nenhum comentário
  • Fixar

Negocie cripto em qualquer lugar e a qualquer hora
qrCode
Digitalizar para transferir a aplicação Gate
Novidades
Português (Portugal)
  • بالعربية
  • Português (Brasil)
  • 简体中文
  • English
  • Español
  • Français (Afrique)
  • Bahasa Indonesia
  • 日本語
  • Português (Portugal)
  • Русский
  • 繁體中文
  • Українська
  • Tiếng Việt