คำนวณราคา Neo

Neo เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนโอเพนซอร์สที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน มีเป้าหมายในการสร้าง 'เศรษฐกิจอัจฉริยะ' ด้วยการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นดิจิทัลและจัดการอัตโนมัติผ่าน สัญญาอัจฉริยะ คุณสมบัติสำคัญของ Neo ได้แก่: 1. การระบุตัวตนดิจิทัลและการแปลงสินทรัพย์เป็นดิจิทัล 2. รองรับสัญญาอัจฉริยะสำหรับภาษาโปรแกรมมิ่งหลายภาษา 3. กลไกฉันทามติแบบ Delegated Byzantine Fault Tolerance (dBFT) 4. ระบบโทเคนคู่: NEO (การกำกับดูแล) และ GAS (อรรถประโยชน์) Neo ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 และเปิดตัวในปี 2016 เดิมรู้จักกันในชื่อ AntShares ก่อนที่จะเปลี่ยนแบรนด์ในปี 2017 มักถูกเรียกว่า 'Ethereum ของจีน' เนื่องจากความสามารถในการทำสัญญาอัจฉริยะและต้นกำเนิดของมัน ณ วันที่ 2025-12-24 Neo อยู่ในอันดับที่ #196 ตามมูลค่าตลาดที่ $252.35M โดยมีอุปทานหมุนเวียน 70.53M NEO NEO และอุปทานทั้งหมด 100M NEO NEO ราคาปัจจุบันของ NEO คือ $3.57 โดยมีปริมาณการซื้อขายใน 24 ชั่วโมงอยู่ที่ $54.42K Neo มีเป้าหมายในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตยุคถัดไป อำนวยความสะดวกในการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) และส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ ระบบนิเวศของมันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาและสร้างพันธมิตรในหลากหลายภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง

Neo ถูกสร้างขึ้นในปี 2014 โดย Da Hongfei และ Erik Zhang เริ่มเปิดตัวในชื่อ AntShares เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2016 ต่อมาโครงการได้เปลี่ยนชื่อเป็น Neo ในเดือนมิถุนายน 2017 การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงการ ทำให้มันกลายเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนชั้นนำสำหรับเศรษฐกิจอัจฉริยะ ตั้งแต่เริ่มต้น Neo มีเป้าหมายที่จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและการระบุตัวตนดิจิทัลเพื่อแปลงสินทรัพย์ให้เป็นดิจิทัลและจัดการอัตโนมัติผ่านสัญญาอัจฉริยะ

ผู้ก่อตั้ง Neo คือ Da Hongfei และ Erik Zhang พวกเขาเริ่มต้นโครงการนี้ในปี 2014 ภายใต้ชื่อ AntShares ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น Neo ในปี 2017 Da Hongfei ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Neo Global Development (NGD) ในขณะที่ Erik Zhang เป็นนักพัฒนาหลักและสถาปนิกเบื้องหลังเทคโนโลยีของ Neo ร่วมกัน พวกเขามีวิสัยทัศน์ให้ Neo เป็นแพลตฟอร์ม 'เศรษฐกิจอัจฉริยะ' โดยมีเป้าหมายในการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ ความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของพวกเขามีส่วนสำคัญในการสร้าง Neo ให้เป็นหนึ่งในโครงการบล็อกเชนที่โดดเด่น ซึ่งมักถูกเรียกว่า 'Ethereum ของจีน' เนื่องจากมีความสามารถและที่มาคล้ายคลึงกัน

Neo ดำเนินการเป็นเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและการระบุตัวตนดิจิทัลเพื่อแปลงสินทรัพย์ให้เป็นดิจิทัลและจัดการอัตโนมัติผ่านสัญญาอัจฉริยะ นี่คือวิธีการทำงาน: 1. กลไกฉันทามติ: Neo ใช้อัลกอริธึมฉันทามติแบบ Delegated Byzantine Fault Tolerance (dBFT) ซึ่งช่วยให้ประมวลผลธุรกรรมได้เร็วขึ้นและมีความสามารถในการขยายได้ดีกว่าระบบ proof-of-work 2. ระบบโทเค็นคู่: Neo ใช้โทเค็นพื้นเมือง 2 ตัว - NEO สำหรับการจัดการเครือข่ายและ GAS สำหรับการจ่ายค่าธรรมเนียมธุรกรรมและการดำเนินการสัญญาอัจฉริยะ 3. สัญญาอัจฉริยะ: นักพัฒนาสามารถสร้างสัญญาอัจฉริยะโดยใช้ภาษาโปรแกรมยอดนิยมเช่น C#, Java และ Python ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ 4. การระบุตัวตนดิจิทัล: Neo รวมระบบการระบุตัวตนดิจิทัลเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ 5. แอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (dApps): แพลตฟอร์มนี้รองรับการพัฒนา dApps หลากหลาย ตั้งแต่การเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ไปจนถึงเกมและโซลูชันสำหรับองค์กร 6. ความสามารถในการทำงานร่วมกัน: Neo มุ่งสร้าง 'เศรษฐกิจอัจฉริยะ' โดยเปิดใช้งานการผสานรวมที่ราบรื่นระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์แบบดั้งเดิม ด้วยการรวมคุณสมบัติเหล่านี้ Neo จึงให้โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันกระจายศูนย์และการแปลงสินทรัพย์ในโลกจริงให้เป็นดิจิทัลบนบล็อกเชน

Neo ใช้สถาปัตยกรรมแบบหลายชั้นที่ออกแบบมาเพื่อความสามารถในการขยายและประสิทธิภาพ: 1. ชั้นหลัก: ใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานของบล็อกเชน กลไกฉันทามติ (dBFT) และโปรโตคอลเครือข่าย 2. ชั้นแอปพลิเคชัน: รองรับสมาร์ทคอนแทรกต์และ dApp โดยใช้ NeoVM (Neo Virtual Machine) 3. ชั้นบริการ: ให้บริการ API และ SDK สำหรับนักพัฒนาเพื่อโต้ตอบกับบล็อกเชน 4. ชั้นส่วนติดต่อผู้ใช้: รวมถึงกระเป๋าเงินและแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ คุณสมบัติทางเทคนิคที่สำคัญ: - ฉันทามติ: Delegated Byzantine Fault Tolerance (dBFT) สำหรับความเสถียรที่รวดเร็ว - สมาร์ทคอนแทรกต์: รองรับหลายภาษาโปรแกรมมิ่ง (C#, Java, Python ฯลฯ) - ระบุตัวตนดิจิทัล: ระบบระบุตัวตนดิจิทัลในตัว - โมเดลโทเค็นคู่: NEO สำหรับการกำกับดูแลและ GAS สำหรับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม - ความสามารถในการทำงานร่วมกัน: โปรโตคอลข้ามเชนสำหรับการสื่อสารกับบล็อกเชนอื่นๆ สถาปัตยกรรมนี้ช่วยให้ Neo สามารถประมวลผลธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาที ทำให้เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันระดับองค์กรและวิสัยทัศน์ของ 'เศรษฐกิจอัจฉริยะ'

Neo มีแผนงานที่ทะเยอทะยานสำหรับอนาคต โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจอัจฉริยะและเทคโนโลยีบล็อกเชน การพัฒนาที่สำคัญประกอบด้วย: 1. ปรับปรุงความสามารถในการขยายตัวและประสิทธิภาพผ่านการอัพเกรดบล็อกเชนของ Neo อย่างต่อเนื่อง 2. ขยายความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างเชนเพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อกเชนหลักอื่นๆ 3. พัฒนาเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาและการสนับสนุนเพื่อดึงดูด dApps และโครงการต่างๆ เข้าสู่ระบบนิเวศของ Neo มากขึ้น 4. พัฒนาโซลูชันด้านตัวตนดิจิทัลและสำรวจกรณีการใช้งานการแปลงสินทรัพย์ในโลกจริงเป็นดิจิทัล 5. ทำการวิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกลไกฉันทามติที่เป็นนวัตกรรมและสถาปัตยกรรมบล็อกเชน 6. ขยายชุมชน Neo ทั่วโลกและส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรและรัฐบาล 7. พัฒนาโซลูชันการขยายเลเยอร์ 2 เพื่อเพิ่มปริมาณธุรกรรม 8. สำรวจการบูรณาการกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น IoT และ AI ภายใน 2026 Neo มีเป้าหมายที่จะเพิ่มการนำไปใช้และการเติบโตของระบบนิเวศอย่างมีนัยสำคัญ การคาดการณ์ราคาในระยะยาวชี้ว่า Neo อาจจะถึง $3.9 ภายใน 2026 $4.48 ภายใน 2025 + 3 ปี และอาจจะถึง $5.74 ภายใน 2030 หากบรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาและการนำไปใช้ อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์เหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดาและขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด